“วราวุธ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำน้ำทะเลพัทยาสำรวจปะการัง

 

“วราวุธ” ดำน้ำทะเลพัทยาสำรวจปะการัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำน้ำทะเลพัทยาสำรวจปะการัง พร้อมลงพื้นที่วางแผนจัดการ Sea Walker สั่ง “กรมทะเล” หารือทุกภาคส่วนวางเกณฑ์อนุญาตเข้ม เน้นท่องเที่ยวอย่างอนุรักษ์

 

 

“นายวราวุธ ศิลปอาชา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา และคณะ ลงตรวจพื้นที่เพื่อหาแนวทางจัดการกิจกรรม Sea Walker

 

โดยนายวราวุธ รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ย้ำให้ทุกฝ่ายมองเห็นทรัพยากรทางทะเลสำคัญกว่ารายได้จากการท่องเที่ยว พร้อมกำชับให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง และให้วางแผนรองรับการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

 

 

“​นายวราวุธ ศิลปอาชา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวภายหลังการลงพื้นที่เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี ว่า หลังจากที่ได้สั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ดำเนินคดีกรณีกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวเมืองพัทยา นำกลุ่มนักท่องเที่ยวทำกิจกรรมเดินใต้ทะเล (Sea Walker) โดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งยังมีการจับสัตว์ทะเลและสัมผัสปะการังเล่น

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะได้ดำเนินคดีไปแล้ว แต่ในระยะยาว และได้สั่งการให้ ทช. เร่งหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายกเมืองพัทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางในการจัดการ รวมทั้ง การกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานในการออกใบอนุญาตให้กับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและไกด์นำเที่ยวด้วย

 

ซึ่งเรื่องนี้ตนเองได้ให้ความสำคัญมาก เพราะมองว่า ทรัพยากรปะการังและสัตว์ทะเลต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการฟื้นฟูให้คืนความสมบูรณ์ หากวันนี้เราทำเสียหาย กว่าจะคืนกลับมาไม่ใช่แค่รุ่นลูกที่จะได้เห็นทุกอย่างสมบูรณ์ อาจจะถึงรุ่นหลานเลยที่ได้เห็น เพราะฉะนั้น ไม่คุ้มเลยหากต้องเสียปะการังและสัตว์ทะเล เพื่อแลกกับเม็ดเงินที่จะเข้าชุมชนหรือประเทศต้องท่องเที่ยวอย่างมีสติและคิดถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติเป็นสำคัญ

 

ทั้งนี้ ได้มอบหมายนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับและติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และในวันเดียวกันได้ดำน้ำลงสำรวจสภาพปะการังและเส้นทางการทำกิจกรรม Sea Walker ซึ่งสภาพโดยรวมยังค่อนข้างสมบูรณ์

 

อย่างไรก็ตาม ได้ให้แนวทางในการจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว โดยให้มีการอบรมกลุ่มบริษัทท่องเที่ยว การกำหนดขั้นตอนและจำนวนนักท่องเที่ยวในการทำกิจกรรม Sea Walker มิให้เกิดศักยภาพที่ธรรมชาติจะรองรับได้ รวมถึง ให้มีการกำหนดช่วงเวลาทำกิจกรรมและปล่อยให้ธรรมชาติได้พักฟื้นบ้าง รวมถึง การเพิ่มกำลังพลในการตรวจตราพื้นที่

 

การประกาศใช้กฎหมายเพิ่มเติมหากจำเป็น และสิ่งสำคัญ คือ การสร้างเครือข่ายพี่น้องประชาชนให้มีส่วนร่วมและช่วยกันเป็นหูเป็นตาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเสริมความเข้มข้นในการเฝ้าระวัง และสุดท้าย คือ การติดตามและประเมินผล หากยังคงสร้างผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ก็คงต้องให้ยุติการทำกิจกรรมดังกล่าวอย่างเด็ดขาดต่อไป

 

 

ด้าน นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเสริมว่า นับตั้งแต่ที่ ทช. ได้สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุมเรือนำเที่ยวที่นำนักท่องเที่ยวเดินท่องเที่ยวใต้ทะเลบริเวณอ่าวทองหลาง เกาะล้าน เมืองพัทยา จ. ชลบุรี โดยไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบการกิจกรรมเดินท่องเที่ยวใต้ทะเล ซึ่งมีความผิดตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2563 ในการห้ามกระทำการประกอบกิจการเรือภัตตาคาร เรือสถานบริการ หรือการเดินท่องเที่ยวใต้ทะเลโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

โดยผู้ฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และได้นำผู้ต้องหาจำนวน 4 คน พร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วนั้น ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้าพบหารือกับนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรฐานของบริษัทนำเที่ยวใต้ทะเลและไกด์นำเที่ยว ที่ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องกฎหมายและการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

 

และในวันนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา พร้อมด้วยทีมผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสถานการณ์ปะการังและสิ่งแวดล้อมบนเกาะล้าน พร้อมทั้งได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะเร่งดำเนินการหามาตรการและมาตรฐานในการทำกิจกรรม Sea Walker ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

ซึ่งในเบื้องต้นได้สั่งการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทุกแห่ง เร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจกับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำ อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดดังกล่าวขอให้แจ้งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทันที นอกจากนี้ ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพิ่มกำลังในการตรวจตราให้เข้มงวดขึ้น หากพบให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด

 

Back To Top