นายกฯ คิกออฟฉีดไฟเซอร์นักเรียน สร้างเกราะป้องกันต้อนรับเปิดเทอม

นายกฯ คิกออฟฉีดไฟเซอร์นักเรียน สร้างเกราะป้องกันต้อนรับเปิดเทอม


พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา เป็นประธานเปิดงาน “Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีนเด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม” เริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กอายุ 12-17 ปี มีนักเรียนแจ้งความประสงค์ต้องการฉีดวัคซีนแล้ว 3.6 ล้านคน
.
ช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเป็นประธานเปิดงาน “ Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม” ณ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ ถ.ลาดพร้าว เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ พร้อมด้วยนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย และผู้บริหารจากกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข

.
หลังทักทายนักเรียนที่มานั่งรอเข้ารับการฉีดวัคซีน นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันทำงานเพื่อให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติ รัฐบาลมีความห่วงใยต่อทุกปัญหาของพี่น้องประชาชน และยืนยันจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุด สำหรับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กลุ่มนักเรียน อายุ 12-17 ปี นั้น พล.อ.ประยุทธกล่าวว่าถึงแม้ว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19จะยังคงส่งผลกระทบทั่วโลก แต่เรื่องการศึกษานั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทิ้งไม่ได้ การฉีดวัคซีนในวันนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้เด็กนักเรียนและผู้ปกครองเมื่อนักเรียนต้องกลับมาเรียนที่โรงเรียน พร้อมทั้งย้ำว่ารัฐบาลจะเร่งจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพเพิ่มเพื่อให้ได้ 150-170 ล้านโดสภายในปีหน้า เพื่อให้สามารถฉีดได้ครบถ้วนตามเป้าหมายที่ได้วางไว้
.
ทางด้านดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขวางแนวทางฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 12–18 ปี (ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า) ประมาณ 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ โดยระยะแรกได้จัดสรรวัคซีน 2 ล้านโดสในต้นเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งบูรณาการกับงานอนามัยโรงเรียนเพื่อให้เด็กเข้าถึงวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเตรียมรับการเปิดเทอม 2 ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ สำหรับเด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนได้ ควบคู่กับการเข้มงวดมาตรการป้องกันโรค ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ส่วนเด็กที่มีโรคประจำตัวไม่ได้เรียนหนังสือ หรือกลุ่มนอกระบบการศึกษา หรือเด็กเรียนที่บ้าน สามารถเข้ารับวัคซีนที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้เช่นกัน
.
ล่าสุดพบว่า มีนักเรียนแสดงความประสงค์ฉีด 3.6 ล้านคน จากจำนวนกว่า 5 ล้านคนในทุกสังกัด คิดเป็นร้อยละ 71.67.

#ข่าวเดอะนิวส์/รายงาน

Back To Top